ยามสนธยาลมพัดเอื่อย นก บิน กลับคืนรัง ภูผายังคง แม่น้ำยังผ่าน....ไหล
คำนึงถึงคนรักที่จาก น้องเจ้าจะเป็นฉไน อักษรโครงกลอนบทซี่ไผ่ ......หวนให้จำ
สมรภูมิยามนี้เปลี่ยว ธงทัพปลิวไปกับลมที่มันไหว ปลดอานม้าลงมากองสุมไฟไล่....เหลือบไร
* ข้ามันก็เป็นคนหนึ่ง ซึ่งแท้จริงๆก็ไม่ต่างจากใครเขา มีรัก...มีครอบครัวให้ห่วงใย....ไม่ต่างกัน
แต่ปณิธานอันยิ่งใหญ่ ความรู้สึกในใจจึงต้องเก็บซ่อนเอาไว้
เส้นทางของจอมคนไม่อาจเป็นตนของตนเอง
หลอกลวงคนได้ทั้งแผ่นดิน เห็นความจริงตอนใกล้สิ้นใจ
ความรักที่มันมีมันก็มีอยู่อย่างนั้นไม่อาจลวงผู้ใด
เพราะข้าเองก็เคยพลั้งพลาด ไปเสียทีเพราะสตีงาม
ลุ่มหลงในความงามจนต้องแลกด้วยชีวิตบุตรชายคนโต
จำเคลื่อนทัพกลับคืนถิ่นหาก..แม่เจ้าได้ยิน ว่าเจ้าสิ้นใจ
ที่ไปพลั้งในสงคราม หากว่าแม่เจ้าเอ่ยถามพ่อจะตอบยังไง
( * ) , Solo :
เหมือนหยดน้ำรวมตัวเป็นฝนพรำ พร่างพรมลงสู่ท้องลำธาร
ยิ่งมันได้ไหลรวมตัวกันไปสู่ท้องทะเลกว้างจนหาตัวเองไม่พบ
เหมือนพอผ่านสงครามนานเหลือเกินค่อน..ชีวิตกรำศึกอยู่บนอานม้า
ความรักในครอบครัวความผู้พันธ์ที่ผ่านมา....น้อยเหลือเกิน
พวกเจ้าจงขอให้เข้าใจ ถ้าพ่อต้องไปในวันนี้ ปณิธานใดๆอุดมการณ์ใดๆ....ไม่สำคัญ
ขอแค่เพียงให้เจ้ารักกัน เจ้าคือพี่น้องกันเพียงเท่านี้
คือหวังเพียงสิ่งเดียวปรารถนาเพียงสิ่งเดียว....ที่พ่อมี
ยามสนธยาลมพัดเอื่อย นก บิน กลับคืนรัง ภูผายังคง แม่น้ำยังผ่าน...ไหล
คำนึงถึงคนรักที่จาก ป่านฉะนี้เจ้าจะเป็นฉะใน อักษรโครงกลอนบทซี่ไผ่...หวนให้จำ
กับค่ำคืนที่คล้ายว่ายาวนานกับค่ำคืนที่คล้ายว่ารวดเร็ว แต่อย่างไรมันก็ได้พ้นกาล..ผ่านไปแล้ว
ค่ำคืนที่คล้ายมีความสุข ค่ำคืนที่คล้ายว่าทุกข์ระทม แต่อย่างไรมันก็ได้พ้นกาล..ผ่านไปแล้ว
ค่ำคืนที่รุ่งเรือง ค่ำคืนที่ร่วงโรย แต่อย่างไรมันก็ได้พ้นกาล....ผ่านไปแล้ว
จนถึงเวลา กาลข้างหน้า ลูกและหลานจะกล่าวขานถึงเรายังไง
แต่จะอย่างไรมันก็จะพ้นกาล..แล้วผ่านไป....เฉกเช่นกัน.. เฉกเช่นกัน..