พูด) ประเทศไทย
เป็นดินแดนที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
บรรพบุรุษของเรา
ล้วนปกป้องแผ่นดินผืนนี้
ด้วยเลือดเนื้อชีวิต
เพื่อความอุดมสมบูรณ์ขึ้นในปัจจุบัน
เราจึงกล่าวขานกันได้ว่า
ในนํ้ามีปลาในนามีข้าว
ชาวนากว่าครึ่งประเทศ
ล้วนแล้วแต่ผลิตข้าวได้ปีละมากๆ
เพื่อเลี้ยงประชากรของเรา
และส่งเป็นสินค้าออก
ยังประเทศเพื่อนบ้าน
เฮอะ...รัฐบาลท่านก็ตระหนักดี
ถึงปัญหาเหล่านี้
และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
แต่ในพื้นที่อันห่างไกล
จากความเจริญออกไป
ยังมีชาวนาเป็นจํานวนมาก
พบประสบกับปัญหา
ขาดแคลนที่ดินทํากินเป็นของตัวเอง
ผจญกับภัยธรรมชาติ
นํ้าท่วม ฝนแล้ง ความหนาวเย็น
พี่น้องที่รัก
การที่เรามีชีวิตอยู่รวมกันในวันนี้
เราได้กินข้าวจากผู้ที่ปลูกข้าวให้เรากิน
เกวียนเล่มแล้วเล่มเล่า
ที่ขนข้าวออกมาจากหมู่บ้านของพวกเขา
จะมีสักเล่มไหมที่จะกลับคืนไปสู่พวกเขา
ด้วยข้าวปลาที่เต็มเกวียน
ด้วยล้อเกวียนที่กดลึกลงไปในดิน
ล้อเกวียนเวียนหมุนทิ้งฝุ่นลืมรอย
ใบไม้ร่วงผลอยเคลื่อนคล้อยตามฤดูกาล
บรรยากาศ...เริ่ม่ปลี่ยนไม่เหมือนวันวาน
ใบไม้ร่วงแต่ดอกผลิบาน
ข้าวกลางลานตกเม็ลดเหลือฟาง
ลมหนาวห่มเนื้อครั้งเมื่อวันก่อน
เปลี่ยนเป็นแรงร้อน ร้าวรานแผดเผาผิวนาง
หัวใจแกร่ง หาบคอนไม้คานโค้งบาง
เหมือนรวงเรียวเคียวคมของนาง
มุ่งสรรค์สร้างกสิกรรมทํานา
ข้าวทุกเม็ดดั่งเกล็ดเหงื่อย้อย
พร่างพราวพรูพร้อย มากน้อยมีใครนําพา
คิดดูซิหยาดเหงื่อแรงคนทํานา
(แรงงานชาวนา)
ให้เปิบอิ่มกินอยู่ทุกครา
ความหมายว่าเลือดเนื้อเพื่อใคร
ข้าวทุกเม็ดดั่งเกล็ดเหงื่อย้อย
พร่างพราวพรูพร้อย มากน้อยมีใครนําพา
คิดดูซิหยาดเหงื่อแรงคนทํานา
(แรงงานชาวนา)
ให้เปิบอิ่มกินอยู่ทุกครา
ความหมายว่าเลือดเนื้อเพื่อใคร
ล้อเกวียนเวียนหมุน...ทิ้งฝุ่นลืมรอย
ใบไม้ร่วงผลอย เหลืองบางลงกลางทางไกล
พลบคํ่าฝุ่นคลุ้งคล้อยจางห่างหาย
วนเวียนเปลี่ยนแปลงแฝงไว้
หยาดเหงื่อใครนั้นอย่าได้ลืม