งไม่ค่อยนานเท่าไหร่
มีชายชราผู้หนึ่ง
ผู้ที่ทุกคนรู้จักเขาดี ในฐานะของผู้มั่งคั่ง
และชาวบ้านก็ขนานนามเขาว่า
เฒ่าไม้เท้าทองคํา
เมื่อล่วงลํ้าออกจากเมืองสู่ย่านเกษตรกรรม
อันเป็นที่พํานักพักอาศัยของชายชราอีกผู้หนึ่ง
ผู้ที่หลังของแกโค้งงอ
จากการตรากตรําทํานาไร่มาชั่วชีวิต
แกคือผู้เฒ่าไม้เท้าลําไผ่
และนี่คือเรื่องราวของสองเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่
ผู้เฒ่าไม้เท้าทองคํา
สร้างตึกสูงลํ้าเสียดฟ้าเสียดเมฆ
นั่งคิดคํานวณตัวเลข
(b5)
ทุกคํ่าทุกเช้าคิดแต่เอากําไร
เฝ้าดูตาม้าตาเรือ
ความคิดเหลือเฟือเต็มห้องแอร์คอนดิชั่น
จิบบรั่นดีคลี่คลายความฝัน
ทุกคืนทุกวันฝันถึงผลกําไร
มีที่ดินพันหมื่นแสนไร่
รถยนต์มากมายกว่าร้านขายรถยนต์
บริวารวิ่งกันสับสน
(b5)
ต้องเลี้ยงผู้คนแทนฝูงวัวควาย
อีกผู้เฒ่าถือไม้เท้าลําไผ่
นั่งทอดหายใจอยู่ใต้ต้นดอกจาน
ฝันถึงเมล็ดพืชที่หว่าน
(b5)
เป็นกิจการของเกษตรกร
เฝ้าดูมดหนูแมลง
จะมากลั่นแกล้งกัดกินพืชไร่
ปีนี้ถ้าไม่ดีดังปีกลาย
ต้องขอความเห็นใจจากเฒ่าไม้ทองคํา
นาที่นาของผู้เฒ่าลําไผ่
เอาจํานองไว้กับผู้เฒ่าทองคํา
ดอกเบี้ยบานยิ่งกว่าผลผลิต
(b5)
พอไม่ติดฝนแล้งแมลงลงกัดกิน
SOLO: (b5)
เฮ้อเฝ้าดูตามดตาแมลง
ดังฟ้าฝนกลั่นแกล้งไม่มีเหลือผลผลิต
แม่นละหรือที่ว่าฟ้าลิขิต
(b5)
ฟ้าไม่มีชีวิตแต่คนมีจิตมีนํ้าใจ
เฒ่าชราคว้าไม้ไผ่ลำอ่อน
ลุกขึ้นเขียนดินดอนสะท้อนความในใจ
เรามันจนเราก็จนต่อไป
ใครจะรวยเท่าใด ก็ปล่อยให้รวยเสียให้เข็ด
* เรามันจนเราก็จนต่อไป
ใครจะรวยเท่าใด
ก็ปล่อยให้รวยเสียให้เข็ด
(ซํ้า *, *, *, *....)